วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4
วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562
เวลา 08.30 - 12.30 น.

➤ The Knowledge ความรู้ที่ได้รับ
      MindMap สาระที่ควรรู้สำหรับเด็กปฐมวัย

❤ สาระที่เด็กควรรู้ คือ ความรู้ Knowledge มี 4 เรื่อง
❤ ประสบการณ์ คือ การประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา
1.เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก 
   ได้แก่ ชื่อ เพศ ชื่อส่วนต่างๆของร่างกาย การดูแลตนเองเบื้องต้น การล้างมือ การขับถ่าย 
การรับประทานอาหาร การถอด/สวมใส่เสื้อผ้า การรักษาความปลอดภัย และการนอนหลับพักผ่อน
2.บุคคลและสถานที่
   ได้แก่ บุคคลใน/นอกครอบครัว การทักทาย การเล่นกับพี่น้อง สถานที่ต่างๆ ในชุมชน การเล่นที่สนามเด็กเล่น การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา วัฒนธรรม และประเพณี
3.ธรรมชาติรอบตัวเด็ก
   ได้แก่ สัตว์ พืช ดอกไม้ ใบไม้ ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า การเล่นน้ำเล่นทราย การเลี้ยงสัตว์ต่างๆ การเพาะปลูกอย่างง่าย 
4.สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก
   ได้แก่ สิ่งต่างๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเด็ก เช่น สี รูปร่าง รูปทรง ขนาด ผิวสัมผัส

  

💗 การเลือกเรื่องในการนำมาสอนเด็ก ควรเป็นเรื่องใกล้ตัวเด็กและมีผลกระทบกับเด็ก

💚 การออกแบบการสอน ผู้สอนต้องคอยสังเกตเด็ก เมื่อเด็กแสดงพฤติกรรม จึงจะประเมินผลได้
➤อาจารย์ให้นักศึกษานั่งเป็นกลุ่ม 5 คน ที่ได้แบ่งกันไว้ และได้พูดถึงเรื่องสาระที่ควรเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยมี 4 สาระ อาจารย์แจกกระดาษบรู๊ฟให้กลุ่มละ 1 แผ่น เลือกสาระที่ควรเรียนรู้  และคิดหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกัน มีทั้งหมด 5 วัน 5 เรื่อง และนำเสนอ



สมาชิกในกลุ่มมีดังนี้

 
1. นางสาวรุ่งฤดี  โสดา
2. นางสาวชาณิศา  หุ้ยทั่น
3. นางสาวอรุณวดี  ศรีจันดา
4. นางสาวณัฐชา  บุญทอง
5. นางสาวณัฐธิดา  ธรรมแท้




สาระที่ควรรู้คือ 1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
หน่วยการเรียนรู้ สุขภาพดีเริ่มตันที่ตัวหนู
และได้แก้ไข เป็นหน่วยการเรียนรู้เรื่อง ตัวเรา

งานที่ได้รับมอบหมาย อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มแบ่งหัวข้อกัน ใน 1 - 5 เรื่อง และให้ทำ MindMap เพื่อสอนเป็นกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม ได้แก่ 
1. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
2. กิจกรรมสร้างสรรค์
3. กิจกรรมเสรี
4.กิจกรรมเสริมประสบการณ์
5. กิจกรรมกลางแจ้ง
6. เกมการศึกษา 




สาระที่ควรรู้ ➤ เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
หัวข้อหน่วยการเรียนรู้  บ้านของฉัน

1. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ : การเคลื่อนไหวตามข้อตกลงโดยครูกำหนดรูปภาพดังนี้ บ้านหลังที่ 1 บ้านหลังที่ 2 บ้านหลังที่ 3 สวนสัตว์ สถานีรถไฟ ตลาด ไปรษณีย์ แล้วให้เด็กๆเคลื่อนไหวร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะเมื่อได้ยินสัญญาณหยุด ให้เด็กๆวิ่งไปอยู่ที่รูปบ้านหลังที่ 1, 2, และ 3 ตามลำดับและบอกว่าบ้านแต่ละหลังอยู่ใกล้กับอะไร
2. กิจกรรมสร้างสรรค์ 1. วาดภาพบ้านในฝันด้วยสีเทียน 2. ปั้นแป้งโดว์เป็นบ้าน 3. พิมพ์ภาพไม้บล็อกต่อเติมเป็นบ้าน 4. ประดิษฐ์บ้านในฝันจากกล่องนม โดยจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ได้แก่กล่องนมกระดาษสีกาวขวดน้ำให้เด็กๆออกแบบสร้างบ้านลักษณะต่างๆตามจินตนาการ
3. กิจกรรมเสรี : ให้เด็กๆเล่นมุมบล็อก โดยสร้างบ้านจำลองที่มีห้องต่างๆภายในบ้าน
4.กิจกรรมเสริมประสบการณ์ ครูมีภาพบ้านลักษณะต่างๆ มาให้เด็กๆดูและพูดคุยเกี่ยวกับส่วนประกอบของบ้านว่ามีอะไรบ้าง
5. กิจกรรมกลางแจ้ง : ครูพาเด็กๆ เดินสำรวจวัสดุที่ใช้สร้างบ้านตามบริเวณใกล้ๆโรงเรียน
6. เกมการศึกษา : เล่นเกมจับคู่ภาพของใช้กับห้องต่างๆภายในบ้าน


         



➤ Assessment การประเมิน

Self-assessment (ตนเอง)
     - เข้าเรียนตรงเวลา
     - จดบันทึกในการเรียน
     - มีส่วนร่วมในการคิด และเขียนมายแมพ ในเรื่องที่ได้รับมอบหมาย ได้คิดกิจกรรมต่างๆ 
    
Evalaute frieads (เพื่อน)
     - เข้าเรียนตรงเวลา
     - มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกันทำงาน

Evalaute teacher (อาจารย์)
     - อาจารย์สอนเรื่องที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในโรงเรียนต่างๆ เช่นหากไปอยู่ ที่ภาคเหนือ ก็จะต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ใกล้ตัวเด็ก เพราะในแต่ละพื้นที่ต่างกัน 


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2
วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2562
เวลา 08.30 - 12.30 น.

⇨  ⇨ ⇨ เรียนชดเชยในวันจันทร์ ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562 
ของวันจันทร์ที่ 12 ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ

➤ The Knowledge ความรู้ที่ได้รับ 
อาจารย์ให้นักศึกษานำเสนอนวัตกรรมการสอน 


จากการนำเสนอแต่ละกลุ่มสรุปได้ดังนี้

1.การสอนแบบไฮสโคป
คนแรกที่คิดขึ้นมาคือ Prof. Dr.David Weikart  
ไฮสโคป (High Scope) เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ ซึ่งตรงตามทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา (Cognitive Theory) ของเพียเจต์ (Piaget)  โดยครูจะเป็นผู้เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ให้กับเด็กเพื่อให้เด็กกระทำหรือเล่น และวางแผนการทำงานด้วยตนเอง เมื่อเด็กได้กระทำตามแผนที่วางไว้ทำให้เด็กได้ทบทวนผลงานที่ตนเองทำร่วมกับเพื่อนๆ
ไฮสโคป (High Scope) ใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ
1. การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ด้วยการสนทนาร่วมกันระหว่างครูกับเด็ก และเด็กกับเด็ก ว่าจะทำอะไร อย่างไร การวางแผนกิจกรรมนี้เด็กอาจแสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็กหรือบอกให้ครูบันทึก เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือกและตัดสินใจ
2. การปฏิบัติ (Do) คือ การลงมือทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ เด็กจะได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และทำงานด้วยตนเอง หรือร่วมกับเพื่อนอย่างอิสระตามเวลาที่กำหนดโดยมีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะสม เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง
3. การทบทวน (Review) เป็นขั้นทบทวนว่าผลงานเด็กว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อต้องการให้เด็กได้เชื่อมโยงแผนการปฏิบัติงานกับผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเอง
2. การสอนแบบโครงการ Project Approach
   เป็นการสอนให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง 
วิธีจัดการเรียนการสอนมี 3 ระยะ คือ 
▶️ ระยะที่ 1   เด็กเลือกเรื่องที่สนใจและอยากเรียนรู้ เด็กเล่าประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับเรื่องนั้น และตั้งคำถามที่อยากรู้ เด็กๆพูดคุยเกี่ยวกับว่าคำตอบที่เด็กๆจะสำรวจสืบค้นได้นั้น น่าจะเป็นอะไร อย่างไร ครูช่วยเด็กๆบันทึกความคาดคะเนของเด็กๆไว้ 
▶️ ระยะที่ 2  ครูช่วยเด็กๆวางแผนไปสถานที่ต่างๆ ที่เด็กๆสามารถสำรวจ สืบค้นได้ เป็นผู้สนับสนุนเพื่อให้เด็กสามารถหาคำตอบได้ และหลังจากนั้นก็แสดงข้อมมูลในรูปแบบแผนภูมิหรือกราฟ
▶️ ระยะที่ 3 เด็กๆอภิปรายกันถึงหลักฐานต่างๆที่เด็กๆได้สืบและค้นพบที่ช่วยให้เด็กๆตอบคำถามที่ตั้งไว้ได้ และได้เปรียบเทียบสิ่งที่เด็กๆเรียนรู้กับความรู้เดิมว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อเป็นการทบทวนผลงาน และสรุปโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ

3. การสอนแบบมอนเตสซอรี่
แนวคิดของ Dr.Maria Montessori
หัวใจที่สำคัญคือ เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 และเรียนรู้ได้ดีจากการจัดสภาพแวดล้อมที่ดี
เด็กจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการใช้สื่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เด็กเข้าใจง่าย สิ่งสำคัญของเรียนแนวมอนเตสซอรี่ คือ มือ เพราะเด็กจะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างผ่านมือของตัวเอง
กิจกรรมมอนเตสซอรี่ มี 3 กลุ่ม
▶️ กลุ่มประสบการณ์ชีวิต ฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย มีสมาธิ เป็นตัวของตัวเอง และได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก
▶️ กลุ่มประสาทสัมผัส ฝึกให้เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้สัมพันธ์กันอย่างเหมาะสม
▶️ กลุ่มวิชาการ (คณิตศาสตร์และภาษา) ปูพื้นฐานความรู้เรื่องจำนวนตัวเลขการอ่านและการเขียน เด็กจะได้เรียนรู้อย่าเป็นขั้นตอนจากรูปธรรมสู่นามธรรม โดยใช้อุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่ เป็นสื่อ


4. การสอนทักษะ EF  Executive Functions
เป็นกระบวนการทางความคิดระดับสูงของสมองส่วนหน้าที่มีความเกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะ EF คืออายุ 4 - 6 ขวบ เพราะสมองส่วนหน้าพัฒนาได้มากที่สุด
    ▶️ ทักษะ EF มีทั้งหมด 9 ด้าน โดยแบ่งออกเป็นทักษะพื้นฐาน (Basic) 3 ด้าน และทักษะสูง (Advance) 6 ด้าน ได้แก่
ทักษะพื้นฐาน (Basic)
1) Working Memory (ความจำเพื่อใช้งาน) คือ ความสามารถในการเก็บข้อมูลเพื่อประมวลผลและดึงข้อมูลที่เก็บในคลังสมองออกมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการ
2) Inhibitory Control (ยั้งคิด ไตร่ตรอง) คือ ความสามารถในการยั้งคิดไตร่ตรอง สามารถควบคุมความต้องการ หยุดคิดก่อนที่จะทำหรือพูดได้ 
3) Shifting หรือ Cognitive Flexibility (ยืดหยุ่นความคิด) คือ ความสามารถในการยืดหยุ่นทางความคิด ร่วมแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน รู้จักพลิกแพลงและปรับตัว เป็นจุดเริ่มต้นของการมีความคิดสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ 
ทักษะสูง (Advance)
4) Focus หรือ Attention (จดจ่อ ใส่ใจ) คือ ความสามารถในการใส่ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ โดยไม่วอกแวก รู้จักการทำงานให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ ไป
5) Emotional Control (ควบคุมอารมณ์) คือ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับอารมณ์ตนเองไม่ให้รบกวนผู้อื่น ไม่โกรธเกรี้ยว ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่ายเกินไป รู้จักแสดงอารมณ์อย่างถูกวิธี
6) Self - Monitoring (ติดตาม ประเมินตนเอง) คือ การประเมินตนเองเพื่อหาจุดบกพร่องแล้วนำมาแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น รู้จักไตร่ตรองว่าตัวเองทำอะไร รู้ว่าตัวเองทำอะไร และรู้ว่าใกล้จะเสร็จหรือเรียบร้อยแล้ว
7) Initiating (ริเริ่มและลงมือทำ) คือ ความสามารถในการริเริ่มและลงมือทำ กล้าคิดกล้าทำ ลงมือทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
8) Planning and Organizing (วางแผน จัดระบบ ดำเนินการ) คือ การวางแผนจัดการตนเองอย่างเป็นขั้นตอน ดำเนินการตั้งแต่วางเป้าหมาย มองเห็นภาพรวม รู้จักจัดลำดับความสำคัญ จัดระบบ ดำเนินการ และประเมินผล
9) Goal - Directed Persistence (มุ่งเป้าหมาย) คือ การวางเป้าหมายที่ชัดเจน มีความพากเพียรและความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย รู้จักฝ่าฟันอุปสรรค หากล้มต้องรู้จักลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 14 วันจันทร์ ที่  28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 08.30 - 12.30 น. ➤ The Knowledge ความรู้ที่ได้รับ  ว...